Google
 

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จากไทรอัมพ์ถึงโฮย่า กลยุทธ์การทำลายสหภาพแรงงานยุคโลกาภิวัตน์

วันที่ 6 ส.ค. 2551 เวลา : 13:46 น.

ผู้เขียน : สันติ ธรรมประชา

การต่อสู้ของสหภาพแรงงานต่างๆนั้น ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยของผู้ใช้แรงงาน เพื่อปกป้องสิทธิของคนงานไม่ให้ถูกนายจ้างรังแกเอารัดเอาเปรียบตามอำเภอใจ และเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ภายใต้การเติบโตของระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่ก้าวมาจากสังคมศักดินา ได้สร้างกำลังแรงงานเสรีเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังผู้ใช้แรงงานทำการผลิตเป็นพลังสร้างสรรค์สรรพสิ่งต่างๆให้โลกมวลมนุษยชาติ ขณะที่ผู้เป็นเจ้าของการผลิตหรือชนชั้นนายทุนไม่ว่าที่ใดในโลก ได้ทำการผลิตโดย มีเป้าหมายเพื่อแสวงหากำไรสูงสุด เพื่อขยายทุนให้มีขอบเขตทั่วโลก เพื่อการผูกขาด

ระบบุทนนิยมจึงมองแรงงานเป็นเพียงสินค้า เป็นปัจจัยการผลิตมากกว่าคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ การกดขี่เอารัดเอาเปรียบของชนชั้นนายทุนจึงเป็นธรรมชาติของระบบทุนนิยม

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การเอารัดเอาเปรียบของระบบทุนนิยม ผู้ใช้แรงงานทั่วโลกก็หาได้เป็นเพียงผู้ยอมจำนนต่อสภาพดังกล่าว ผู้ใช้แรงงานทั่วโลกจึงลุกขึ้นสู่เพื่อกำหนดอนาคตชีวิตของตนเอง เพื่ออนาคตที่ดี ชีวิตที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อยู่ตลอดกาลเช่นกัน ในรูปแบบต่างๆ เช่น สหภาพแรงงาน สหพันธ์แรงงาน ฯลฯ

โลกเรา จึงได้ รู้จัก วันที่ 1 พฤษภาคม “วันกรรมกรสากล หรือ วันเมย์เดย์ (May Day) ที่มีจุดกำเนิดมาจากการต่อสู้ของชนชั้นกรรมาชีพในยุโรปและอเมริกา ในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่เปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรไปสู่สังคมอุตสาหกรรมมากขึ้น ที่ส่งผลให้ผู้คนอพยพจากการผลิตภาคเกษตรกรรมไปเป็นแรงงานภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ใช้แรงงานต้องประสพกับการถูกกดขี่ขูดรีดจากนายทุนโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ถูกบังคับให้ใช้แรงงานเยี่ยงทาส ต้องทำงานหนักถึงวันละ 14-16 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด รวมทั้งไม่มีสวัสดิการและมาตรฐานคุ้มครองความปลอดภัยในการทำงานแต่อย่างใด

สภาพดังกล่าว เป็นสาเหตุทำให้ผู้ใช้แรงงานมีการเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้การกดค่าจ้างแรงงานและให้ลดชั่วโมงการทำงานลง ซึ่งแนวความคิดนี้ได้ขยายไปหลายประเทศทั้งในยุโรป อเมริกา ละตินอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

ช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2429 คนงานแห่งเมืองชิคาโก ประเทศอเมริกา ได้นัดหยุดงานครั้งใหญ่และจัดการชุมนุมเดินขบวนเพื่อเรียกร้องระบบสามแปด คือ ทำงาน 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง และศึกษาหาความรู้ 8 ชั่วโมง

กล่าวสำหรับสังคมไทย ผู้ใช้แรงงานไทยก็หาได้ยอมจำนนกับสภาพที่ถูกเอารัดเอาเปรียบของชนชั้นนายทุน ก็เริ่มมีขบวนการต่อสู้มานานไม่ว่ายุคสมัย อำนาจอนุรักษ์นิยม เผด็จการทหาร หรืออำนาจที่มาจากระบบรัฐสภาครองเมืองก็ตาม นับตั้งแต่ต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ที่รวมตัวในรูปแบบสมาคมลับ(อั้งยี่) สมาคมอาชีพต่างๆ สหภาพแรงาน สหพันธ์แรงาน ฯลฯ และมีช่วงเติบโตสูงสุดยุคประชาธิปไตยเบ่งบานหลังเหตุการณ์ประวัติศสาตร์ 14 ตุลาคม 2516 ขณะที่รัฐไทยและทุนก็มีกลยุทธ์ต่างๆเพื่อทำลายขบวนการแรงงานอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

อาทิเช่น การจัดระเบียบสหภาพเข้าสู่การควบคุมโดยกฏหมายแรงงานสัมพันธ์ การจัดองค์กรไตรภาคีเพื่อดึงอำนาจการชี้ขาดไปสู่องค์กรกลางภายใต้การชี้นำของรัฐ การห้ามนัดหยุดงาน ( ต.ค.2519- ม.ค.2524) การใช้ตำแหน่งทางการเมืองและตำแหน่งตัวแทนแรงงานในองค์กรไตรภาคีในการแบ่งแยกผู้นำ และควบคุมขบวนการแรงงาน

ขณะเดียวกัน ในช่วงดังกล่าว นายจ้างก็ได้มีการพัฒนากลยุทธในการตอบโต้สหภาพแรงงานในเชิงรุก ได้แก่ การจ้างงานระยะสั้น การจ้างลูกจ้างชั่วคราวเข้าทำงานแทนลูกจ้างที่หยุดงานประท้วง การยื่นข้อเรียกร้องสวนทาง การเลิกกิจการ เลิกจ้างผู้นำสหภาพ แล้วจดทะเบียนบริษัทใหม่ การเลิกจ้างผู้นำแรงงานในช่วงการก่อตั้งสหภาพ

นอกจากนี้แล้ว นายจ้างจะทำทุกวิถีทางในการที่จะล้มสหภาพแรงงาน ไม่ว่าการจะเป็นการเลิกจ้างแกนนำ การสร้างแรงจูงใจให้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน โดยมีการจ้างทนายความมืออาชีพ และการมีเปลี่ยนฝ่ายบุคคลเพื่อมาทำหน้าที่ทำลายสหภาพโดยตรงเข้ามาทำงาน เช่น เมื่อมีการยื่นข้อเรียกร้องกับนายจ้าง นายจ้างบอกว่ายินดีให้ตามที่ลูกจ้างเสนอ แต่ว่าจะต้องแลกกับการไม่มีสหภาพแรงงานอีกต่อไป หรือบางโรงงานได้ออกแถลงการณ์ประกาศให้ลูกจ้างรู้โดยทั่วกันว่า ไม่ต้องการให้มีสหภาพแรงงานอยู่ในโรงงานของตน

กระนั้นก็ตาม ยังมีปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายที่ลูกจ้างยังถูกละเมิดสิทธิอยู่ เช่น ค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม ความไม่ปลอดภัยในการทำงาน การไม่สิทธิในการนำเสนอหรือแสดงความคิดเห็นในโรงงาน นอกจากนั้น และในระหว่างที่มีข้อพิพาทแรงงานอยู่นั้น นายจ้างจะรับคนงานรับเหมาค่าแรงเข้ามาทำงาน ทำให้อำนาจการต่อรองของสหภาพแรงงานลดลง ทั้งยังพยายามแบ่งแยกลูกจ้างประจำและลูกจ้างเหมาค่าแรงออกจากกัน มีการสร้างแรงจูงใจให้กับลูกจ้างเหมาค่าแรงโดยให้สวัสดิการเท่ากับลูกจ้างประจำ เพื่อไม่ให้ลูกจ้างเหล่านั้นไปรวมตัวกับสหภาพแรงงาน แต่ปัญหาที่รุนแรงมากที่สุดในการจ้องทำลายสหภาพแรงงานก็คือ การข่มขู่เอาชีวิตแกนนำสหภาพ ซึ่งยังมีให้เห็นอยู่เนืองๆ แต่ก็มีคนงานบางส่วนที่ไม่สามารถทนสภาพดังกล่าวได้ และต้องยุติบทบาทของตัวเองลงไปในที่สุด

หรือเราสามารถสรุปยุทธศาสตร์ที่รัฐและทุนใช้ในการควบคุมแรงงานโดยสรุปได้ดังนี้ คือ

1.โดยผ่านกฏหมาย 2.โดยการใช้อำนาจรัฐเผด็จการทั้งในทางลับ และเปิดเผย 3.โดยผ่านกลไกของรัฐ เช่น ศาล กระทรวงแรงงาน ฯ 4.โดยผ่านสถาบันด้านแรงงานสัมพันธ์ ซึ่งได้แก่คณะกรรมการไตรภาคี 5.โดยผ่านนโยบายทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของรัฐ 6.โดยการแบ่งแยกผู้นำแรงงาน

อย่างไรก็ตามในยุคทุนนิยมโลกาภิวัตน์ปัจจุบัน ไม่นานมานี้ ทางบริษัทอัลมอนด์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งอยู่แถวอุตสาหกรรมตะวันออก ได้ยื่นข้อเรียกร้องขอเปลี่ยนสภาพการจ้างต่อสหภาพแรงงานอัลมอนด์ และทางบริษัทฯ ได้ขอใช้สิทธิ์ปิดงานโดยปิดเฉพาะสมาชิกสหภาพแรงงานอัลมอนด์

ขณะที่แถบนิคมอุตสาหกรรมลำพูนนั้น ซึ่งสหภาพแรงงาน อิเล็คทรอนิคส์และเครื่องไฟฟ้าสัมพันธ์ (สอฟส.) ที่มีบริษัทโฮยา กลาส ดิสก์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าของโรงงาน เป็นเรื่องที่สร้างความงุนงงแก่สหภาพฯ เมื่อมีหนังสือที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน แจ้งว่ามีการจดทะเบียนสหภาพแรงงานไม่ถูกต้อง เพราะผู้ก่อตั้งสหภาพแรงงานขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 95 พรบ.แรงงานสัมพันธ์นั้น แทนที่จะส่งเรื่องคุณสมบัติของผู้จดทะเบียนก่อตั้งสหภาพแรงงานให้ศาลแรงงานพิจารณาตามลำดับขั้นตอน อธิบดีกลับตัดสินใจทำหนังสือแจ้งว่ามีการจดทะเบียนสหภาพแรงงานไม่ถูกต้อง ทั้งที่ตัวเขาเองเป็นผู้รับจดทะเบียนเองแต่แรก

ในอีกมุมหนึ่ง ณ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณหน้าบริษัท บอดี้แฟชั่น (ประเทศไทย) ได้เลิกจ้างนางสาวจิตรา คชเดช ประธานสหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า การใส่เสื้อ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม” ออกรายการ “กรองสถานการณ์” ช่องเอ็นบีที ในหัวข้อ “ทำท้อง...ทำแท้ง” เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง โดยบริษัทได้นำเรื่องไปฟ้องกับศาลแรงงานกลาง และแจ้งว่าศาลอนุญาตให้เลิกจ้าง

นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า การทำลายสหภาพแรงงานฯ ยุคโลกาภิวัตน์ นายจ้างใช้ทุกกลยุทธ์
กล่าวสรุปได้ว่า การดำเนินการของบริษัทมีเจตนาแอบแฝงที่จะทำลายสหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานของคนงาน ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของคนงานตามระบอบประชาธิปไตย และเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม
ดังนั้นการต่อสู้ของสหภาพแรงงานต่างๆนั้น ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยของผู้ใช้แรงงาน เพื่อปกป้องสิทธิของคนงานไม่ให้ถูกนายจ้างรังแกเอารัดเอาเปรียบตามอำเภอใจ และเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์.


ที่มา http://www.newspnn.com/detail.htm?code=n3_06082008_01