Google
 

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หอการค้าห่วงปัญหาการปลดคนงานในขณะนี้ส่งผลต่ออนาคตหากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ขณะนี้คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเริ่มกลับมามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

พงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย(ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์)



หอการค้าห่วงปัญหาการปลดคนงานในขณะนี้ส่งผลต่ออนาคตหากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ขณะนี้คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเริ่มกลับมามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง


นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ประกอบการไทยว่า ทางหอการค้าไทยมีความเป็นห่วงปัญหาการปลดคนงานในขณะนี้ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตหากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น การฝึกแรงงานใหม่เป็นเรื่องยากและใช้เวลา ดังนั้นรัฐบาล จึงต้องให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวมากขึ้น เพื่อไม่ให้มีการปลดคนงานหรือหากจำเป็น ก็ควรจะปลดให้น้อยที่สุด


โดยขณะนี้คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเริ่มกลับมามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะส่วนใหญ่สต็อกสินค้าหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม มองว่า ยอดการสั่งซื้อในรอบถัดไปจะลดลง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้สั่งซื้อลดการสต็อกสินค้าเพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงิน

อย่างไรก็ตามคาดว่าการส่งออกในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก แต่ทั้งปีการส่งออกยังติดลบประมาณ 15 – 20% ทั้งนี้ ยังต้องการใช้รัฐบาลดูแลด้านอัตราแลกเปลี่ยน และสภาพคล่องของผู้ประกอบการ รวมถึง เร่งเดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบ โดยเฉพาะรากหญ้าก่อนไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อย่างไรก็ตามจะนำปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเข้าหารือในสถาบัน ร่วม 3 สถาบันหรือกกร.ต่อไป

ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จดีพี)ในปีนี้จะติดลบไม่เกิน 3% หาก เม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้วงเงิน 2-3 แสนล้านบาท สามารถลงสู่ระบบและก่อให้เกิดการลงทุนได้ภายในปีนี้ แต่หากไม่สามารถอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้ เศรษฐกิจอาจจะติดลบถึง 5%

นายพรศิลป์ กล่าวว่า การส่งออกของไทยคาดว่าจะติดลบ 20% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบเพียง15% เพราะ ภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงมากกว่ทึ่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามในช่วง5เดือนที่ผ่านมถือว่าเศรษฐกิจได้ถึงจุดต่ำสุดไปแล้ว และหลังจากนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น เพราะสินค้าในกลุ่มอาหารยังสามารถเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มปตุสัตว์ และกุ้ง

ทั้งนี้หอการค้าไทยได้จับงานกิจกรรมจับคู่ธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารระหว่าง ไทยและสิงโปร์ โดยนาย.พานิช เหล่าศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กล่าวว่า การจับคู่ธุรกิจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารสิงคโปร์และไทยเป็นการประสาน ความร่วมมือครั้งสำคัญของ 5 องค์กรทั้งในไทยและสิงคโปร์ โดยมีสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และองค์การเพิ่มผลผลิตแห่งประเทศสิงคโปร์ เพื่อนำนักธุรกิจสิงคโปร์ในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมกลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหารของประเทศสิงคโปร์ มาพบปะเจรจารายบริษัทกับนักธุรกิจไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนในการคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพมาร่วมกิจกรรมนี้

สำหรับกิจกรรม “จับคู่ธุรกิจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารสิงคโปร์และไทย” จะมีนักธุรกิจจากบริษัท ชั้นนำของสิงคโปร์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารเดินทางมาร่วมกิจกรรมดังกล่าว ทั้งหมด 11 บริษัท จากหลายประเภทธุรกิจ อาทิ ก๋วยเตี๋ยว อาหารขบเคี้ยว แปรรูปเนื้อสัตว์ และอาหารทะเล เป็นต้น สำหรับประเทศไทย มีผู้ประกอบการไทยจากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ได้แก่ บริษัทนำเข้าและส่งออกอาหาร, บริษัทผลิต เส้นบะหมี่, ผู้ประกอบการด้านการบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์ และผู้ผลิตเครื่องปรุงรส ให้ความสนใจเข้าร่วมงานถึง 42 บริษัท อาทิ ซี.พี.อินเตอร์เทรด, สุรพลฟู้ดส์, ทองการ์เด้น เป็นต้น

เรียบเรียงจาก ข่าว "หอการค้าวอนรัฐดูแลสภาพคล่องชี้อออเดอร์หาย20%" โดย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 16:26 (1 วันหลังไทรอัมพ์ปลดคนงานกระทันหัน 1,959 คน)